หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ส่งมะละกอป้อนตลาดวันละ 20 ตัน

ส่งมะละกอป้อนตลาดวันละ 20 ตัน



พบเจ้าพ่อมะละกอภาคเหนือตอนล่าง
ส่งมะละกอป้อนตลาดวันละ 20 ตัน

ถ้าถามถึงแหล่งปลูกมะละกอแหล่งใหญ่ของภาคเหนือตอนล่างแล้วล่ะก็เชื่อแน่ว่า จ.สุโขทัย คืออันดับหนึ่งอย่างแน่นอน โดยเฉพาะ อ.ศรีสัชนาลัยที่นี่คือแหล่งปลูกมะละกอแหล่งใหญ่และเก่าแก่แห่งหนึ่งของบ้านเราและด้วยศักยภาพที่เหนือกว่าในแทบทุกด้านของมะละกอเมื่อเทียบกับพืชดั่งเดิมที่ชาวบ้านทำกันมาค่อนชีวิต มะละกอคือพืชที่สร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี มะละกอคือพืชที่สร้างฐานะความร่ำรวยให้กับพวกเขา และไม่ว่าจะล้มเหลวหรือสำเร็จสักกี่ครั้งพวกเขาก็จะกลับมาปลูกมะละกอและต่อสู้กับมะละกออยู่วันยังค่ำ นั่นเพราะพืชชนิดนี้เคยสร้างรายได้อย่างที่พวกเขาไม่เคยได้รับจากพืชชนิดอื่น

ผู้ที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่บุกเบิกและทำให้ อ.ศรีสัชนาลัย กลายเป็นแหล่งปลูกมะละกอแหล่งใหญ่ที่วงการรู้จักกันดี ก็คือ คุณธีระ วัฒนะอุดมวงศ์ หรือ เฮียแบงค์ และวันนี้เฮียแบงค์คือผู้ปลูกมะละกอรายใหญ่ของที่นี่ ในนาม ไร่อริศ ที่พ่อค้ารับซื้อในทุกตลาดรู้จักกันเป็นอย่างดีมากถึง 100 ไร่ ไม่เพียงเท่านั้นเฮียแบงค์ยังส่งเสริมลูกไร่ปลูกเพื่อรับซื้อผลผลิตมะละกอป้อนสู่ตลาดต่างๆ พื้นที่รวมไม่ต่ำกว่า 300 ไร่ หมุนเวียนเพื่อให้มีผลผลิตป้อนตลาดเกือบตลอดทั้งปี โดยมีผลผลิตออกจากพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 20 ตันต่อวัน วันที่มีผลผลิตมากที่สุดเขาเคยเก็บมะละกอออกถึง 30 ตัน

ไม่น่าเชื่อว่ากระแสมะละกอฮอลแลนด์ฟีเวอร์ของ อ.ศรีสัชนาลัย ที่คาดว่าน่าจะมีพื้นที่ปลูกไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ ในวันนี้จะเริ่มต้นจากมะละกอเพียง 13 ไร่ ของเฮียแบงค์ นักธุรกิจจากเมืองหลวงที่ล้มเหลวจากธุรกิจส่งออกผัก ผลไม้ ทำให้เขาตัดสินใจกลับไปเริ่มต้นที่บ้านเกิด 13 ไร่ กับการปลูกครั้งแรกในชีวิตเขาได้เงินมาเกือบ 2 ล้านบาท เม็ดเงินก้อนนี้เองที่ทำให้เฮียแบงค์ขยายพื้นที่อย่างบ้าระห่ำท่ามกลางการจับตามองของชาวบ้านที่บอกว่าเขาบ้า ปลูกมะละกอเยอะแยะขนาดนี้จะเอาไปขายที่ไหน ยิ่งไปกว่านั้นเฮียแบงค์ยังประกาศรับสมัครลูกไร่เพื่อปลูกมะละกอส่งขายให้กับเขาอีกด้วย พืชใหม่ในพื้นที่เริ่มก่อตัวขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เฮียแบงค์ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มทุกปีขณะที่ลูกไร่ก็เพิ่มจำนวนขึ้นทุกปีจากความสำเร็จของคนที่ปลูกก่อนหน้า แต่ละคนต่างมีรายได้มากมายจากการปลูกมะละกอ สร้างแรงบันดาลใจให้ชาวบ้าน หันมาปลูกมะละกอกันมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ศรีสัชนาลัย กลายเป็นแหล่งปลูกมะละกอแหล่งใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ แบงค์ ประสบความสำเร็จ ก็คือ เขาใส่ใจและทุ่มเทอย่างมากกับมะละกอ เพราะเขารู้ว่าเขาจะได้เม็ดเงินคืนกลับมาอย่างมากมายยิ่งกว่าทุนที่เขาใส่ลงไปหลายเท่าตัวมะละกอสวนเฮียแบงค์ติดดกเต็มคอ ขนาดลูกสม่ำเสมอ รูปทรงสวย รสชาติหวาน ขณะที่ชาวบ้านบางคนยังไม่เข้าใจในจุดนี้และไม่กล้าลงทุนจึงทำให้ผลผลิตออกมาไม่ดีเท่าที่ควรและหลายคนล้มเหลวจากอาชีพนี้ เฮียแบงค์บอกว่ามะละกอไม่ใช่พืชที่ลงทุนสูงเลย เขาบอกว่าต้นทุนมะละกอตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงเริ่มเก็บน่าจะอยู่ประมาณไร่ละ 15,000-20,000 บาท เป็นค่าระบบน้ำมินิสปริงเกลอร์ประมาณ 3,000 บาท ที่เหลือเป็นค่าเตรียมแปลง ค่าปุ๋ย สารเคมี ค่าแรงและอื่นๆ มะละกอจะหนักค่าแรงโดยเฉพาะเมื่อเก็บเกี่ยวแล้วต้องใช้แรงงานจำนวนมาก เฮียแบงค์มีคนงานมากกว่า 30 คนทั้งทำงานในสวน คัดมะละกอในจุดรับซื้อซึ่งจะต้องมีมะละกอเก็บทุกวันๆละ 20 ตัน(5-6 คันรถปิ๊กอัพ)

เมื่อถามถึงเทคนิคการดูแลมะละกอให้ติดดก รูปทรงสวย รสชาติหวาน เกรดเอ เฮียแบงค์บอกว่าอยู่ที่การใส่ปุ๋ยและดูแลเรื่องศัตรูให้อยู่หมัดปุ๋ยในช่วง 1-2 เดือนแรกเฮียแบงค์ใช้สูตรเสมอ 16-16-16 อายุ 3-4 เดือนเปลี่ยนมาใช้สูตร 8-24-24 เพื่อเร่งดอก หลังจากนั้นสลับมาใช้ 16-16-16 เพื่อบำรุงผล อายุ 7 เดือนเพิ่มความหวานโดยใช้ 13-13-21 ปริมาณปุ๋ยจะเพิ่มให้ตามอายุของต้น โดยต้นที่ให้ผลผลิตแล้วก็จะให้ปุ๋ยไร่ละ 1 กระสอบ ให้ปุ๋ยเดือนละ 2 ครั้ง และจะใส่ปุ๋ยอินทรีย์เป็นช่วงๆ อย่างต่อเนื่อง ทางใบก็จะให้ธาตุอาหารเสริมแคลเซียม-โบรอนเป็นประจำจะทำให้มะละกอออกดอกติดผลต่อเนื่อง ติดดก คุณภาพผลดี
ส่วนของศัตรูร้ายของมะละกอคือโรคไวรัสจุดวงแหวนเฮียแบงค์บอกว่าเขาปลูกมะละกอซ้ำที่มาโดยตลอดแต่ก็มีปัญหาน้อยมาก เฮียแบงค์มีวิธีการจัดการด้วยการพ่น สารป้องกันไวรัสอย่างต่อเนื่องทุก 10 วัน ขณะที่ชาวบ้านหลายคนที่ปลูกแล้วล้มเหลวเพราะจัดการไวรัสไม่ได้และไม่รอดจากไวรัสเช่นเดียวกับพื้นที่ปลูกมะละกอในแหล่งอื่นๆ เฮียแบงค์บอกว่า ถ้าเอาไวรัสอยู่คุณก็รอดแล้ว
แม้ในบางปีราคามะละกอไม่จูงใจจากปัญหาเศรษฐกิจทำให้มะละกอที่เคยขายราคา 15-18 บาท/กก.ในปีที่ผ่านๆมา ลดลงมาเหลือ10-12 บาท/กก. (ราคาหน้าสวน) ก็ทำให้ชาวสวนจำนวนไม่น้อยที่เคยเห็นเม็ดเงินก้อนใหญ่จากมะละกอถอดใจไปบ้างเหมือนกันเพราะเคยขายมะกอคันรถละ 4-5 หมื่นบาท แต่ถึงกระนั้นมะละกอก็ยังคันรถละ (3 ตัน) 3-4 หมื่นบาทอยู่ดี ขณะที่มะละกอเก็บผลผลิตทุก 3 วันหรือสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และวันนี้ราคาหน้าสวน 13-14 บาท/กก.ค่ะ

เฮียแบงค์บอกว่า เขาปลูกมะละกอมาเกือบ 20 ปี จนถึงวันนี้เขาก็ยังมองไม่เห็นว่ามีพืชไหนที่ทำเงินได้ดีเท่ามะละกอหากชาวสวนสามารถผลิตมะละกอคุณภาพ มะละกอก็ยังให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ชาวสวนมะละกอในระดับชาวบ้านยังมองไม่เห็นความสำคัญในจุดนี้และยังไม่กล้าลงทุนจึงทำให้พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่สำหรับเฮียแบงค์แล้วเขาบอกว่า เขาเกิดจากมะละกอและเขาก็จะยืนหยัดปลูกมะละกอต่อไป ยังไม่รู้ว่าจะหยุดเมื่อไหร่

อยากรู้จักเขามากกว่านี้ ติดต่อโดยตรงได้ที่ โทร.089-8590226 หรือที่เฟส แบงค์ ไร่อริศ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น